หุ้นไทยร่วง -14.51 จุด โบรก ฯ ชี้นักลงทุนกังวลความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนยังระอุ กดดันหุ้นไทยดิ่งลบ คาดอาจแกว่งตัวลบต่อเนื่อง จนกว่าจะมีความชัดเจน ประเมินกรอบดัชนีวันพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,700 จุด ส่วนแนวรับที่ 1,675 จุด
ตลาดหุ้นไทยปิดทำการซื้อขายวันที่ 14 ก.พ. 2565 ปิดตลาดปรับตัวลดลง -14.51 จุด หรือ -0.85% โดยปิดตลาดที่ 1,684.69 จุด มูลค่าการซื้อขาย 86,377.01 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมการซื้อขายในวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยระหว่างวันดัชนีปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,694.19 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,680.83 จุด
ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้นจำนวน 441 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลงจำนวน 364 หลักทรัพย์ และปรับตัวลดลงจำนวน 1,523 หลักทรัพย์
ขณะที่ปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศ ซื้อสุทธิกว่า 3,652.65 ล้านบาท และ บัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 601.68 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -3,021.11 ล้านบาท และ นักลงทุนในประเทศขายสุทธิกว่า -1,233.22 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 5,357.66 ล้านบาท ปิดที่ 168.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
2.PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,095.40 ล้านบาท ปิดที่ 40.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท
3.BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,846.63 ล้านบาท ปิดที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
4.BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,756.59 ล้านบาท ปิดที่ 146.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
5.ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,512.35 ล้านบาท ปิดที่ 234.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.BCP ปิดที่ 29.75 บาท เพิ่มขึ้น +0.75 บาท หรือ +2.59%
2.CHG ปิดที่ 3.18 บาท เพิ่มขึ้น +0.06 บาท หรือ +1.92%
3.ESSO ปิดที่ 7.90 บาท เพิ่มขึ้น +0.15 บาท หรือ +1.94%
4.PTTEP ปิดที่ 133.50 บาท เพิ่มขึ้น +2.50 บาท หรือ +1.91%
5.BANPU ปิดที่ 11.50 บาท เพิ่มขึ้น +0.20 บาท หรือ +1.77%
ส่วนดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.SYNEX ปิดที่ 24.80 บาท ลดลง -1.45 บาท หรือ -5.52%
2.RCL ปิดที่ 41.25 บาท ลดลง -2.25 บาท หรือ -5.17%
3.JMART ปิดที่ 50.00 บาท ลดลง -2.00 บาท หรือ -3.85%
4.EPG ปิดที่ 10.10 บาท ลดลง -0.40 บาท หรือ -3.81%
5.SINGER ปิดที่ 42.00 บาท ลดลง -1.25 บาท หรือ -2.89%
ด้านดัชนี SET100 ปิดที่ 2,310.97 จุด ลดลง -17.19 จุด หรือ -0.74% ขณะที่ดัชนี SET50 ปิดที่ 1,021.09 จุด ลดลง -7.05 จุด หรือ -0.69% และดัชนีตลาด mai ปิดที่ 635.53 จุด ลดลง -4.19 จุด หรือ -0.65%
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ตอบรับแรงกดดันจากความกังวลสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่ยังไม่มีความไม่แน่นอนหลังจากมีการปล่อยข่าวต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความกังวลให้กับการลงทุนในวันนี้อย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง แม้จะมีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานบางตัวปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันก็ตาม
ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นไทยพรุ่งนี้คาดว่าดัชนีแกว่งตัวไซด์เวย์และอิงทางลงต่อได้ จากความไม่ชัดเจนของสถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครน และธนาคารกลางสหรัฐฯเตรียมจะเปิดรายงานการประชุม (Fed minute) เกี่ยวกับแนวโน้มการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ หลังทิศทางเงินเฟ้อยังสูงขึ้นอาจจะมีผลกดดันต่อตลาดหุ้นได้บ้าง แม้จะรับรู้ข่าวไปมากแล้วก็ตาม โดยประเมินกรอบการลงทุนพรุ่งนี้แนวต้านที่ 1,700 จุด และแนวรับที่ 1,675 จุด
อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket