สสว.เดินหน้ากระจายโอกาสเอสเอ็มอีทั่วประเทศ เร่งมาตรการช่วยเอสเอ็มอีอย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องการจัดซื้อจ้างภาครัฐ เรื่องพัฒนาระบบทะเบียนสมาชิก สสว.เรื่องโครงการ BDS เรื่องเตรียมความพร้อมรับการประชุมการประชุมเอค เอสเอ็มอี ครั้งที่ 28 พร้อมเดินหน้าแผนปี 66 ด้วยระบบ Single sign on เพื่ออำนวยความสะดวกแก่เอสเอ็มอี ใช้เป็นรหัสเข้ารับบริการหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งยังดำเนินการแผนการส่งเสริม SME อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ สสว.เป็นหน่วยงานในการพิจารณาโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ SME (system Integrator) มากยิ่งขึ้น
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อหาแนวทางสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในภาวะเตรียมตัวเปิดประเทศว่า แนวทางของ สสว. ในเรื่องดังกล่าว มีการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2564 ที่ผ่านมา โดยในปี 2564 สสว.ได้ดำเนินการมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ภายใต้กฎกระทรวง กำหนดพัสดุและการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุที่ต้องการส่งเสริมหรือสนับสนุน ฉบับที่ 2 พ.ศ.2563 ว่า สสว. ประสบความสำเร็จในการจัดทำระบบขึ้นทะเบียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ www.thaismegp.com และเปิดให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขึ้นทะเบียนเพื่อรับสิทธิประโยชน์ในตลาดจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐตั้งแต่ปลายปี 2563 ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1.33 ล้านล้านบาท โดยที่ผ่านมา ผู้ประกอบการมีโอกาสเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐที่ โดยประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ ได้รับรู้และเข้าร่วมโครงการกว่า 118,380 ราย
ทั้งนี้ สสว.ได้เข้าพบพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และประชาสัมพันธ์โครงการผ่านช่องทางต่างๆทั่วประเทศ ให้ผู้ประกอบการได้รับรู้ และได้ผลตอบรับดีมาก ช่วยส่งเสริมช่องทางการจัดจำหน่ายให้แก่ผู้ประกอบการในสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ซึ่งสร้างรายได้ให้เอสเอ็มอีได้ถึง 551,306 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังมีการพัฒนาระบบทะเบียนสมาชิก สสว.เพื่อเป็นช่องทางในการเชื่อมต่อกับผู้ประกอบการทั่วประเทศให้ได้รับข้อมูล องค์ความรู้สิทธิประโยชน์ต่างๆ รวมถึงโอกาสที่จะได้รับการพัฒนาจาก สสว.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ขึ้นทะเบียนในระบบนี้ไม่น้อยกว่า 1,500,000 ราย
สำหรับ ปี 2565 โครงการของ สสว.ที่ดำเนินการในขณะนี้คือ โครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (Business Development Service) ปี 2565 ซึ่งเป็นการสร้างโมเดลใหม่ในการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยเร่งช่วยเหลือผู้ประกอบการ 5,000 กว่ารายให้ได้รับการพัฒนา ยกระดับมาตรฐาน ซึ่งจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2565 ซึ่งเป็นวันที่เปิดใช้ระบบอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการยื่นขอรับความช่วยเหลือ อุดหนุนผ่านระบบกว่า 1,000 ราย
“สสว. ได้ออกมาตรการ BDS เพื่อช่วยเหลือ อุดหนุนเอสเอ็มอีผ่านโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS ปี 2565 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนผู้ประกอบการให้ได้รับโอกาสในการเข้าถึงการบริการสนับสนุนด้านการพัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ ที่ผู้ประกอบการจะสามารถเลือกรับการบริการ หรือรับการพัฒนากับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Business Development Service Provider : BDSP) ในด้านที่ตรงกับความต้องการของธุรกิจของตนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ BDS (https://bds.sme.go.th/) โดย สสว. จะอุดหนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาให้แก่ SME แบบร่วมจ่าย ในสัดส่วนร้อยละ 50 – 80 ตามขนาดของธุรกิจ ซึ่ง สสว. เตรียมงบประมาณเพื่อช่วยอุดหนุนผู้ประกอบการในปีนี้กว่า 400 ล้านบาท ให้แก่ ผู้ประกอบการที่ยื่นข้อเสนอการพัฒนายกระดับมาตรฐานของธุรกิจและได้รับอนุมัติให้ดำเนินการพัฒนา วงเงินสูงสุดรายละไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งอาจจะเรียกว่า SME Co-payment
โดยจำนวนผู้ประกอบการ 1,000 ราย ที่สนใจยื่นสมัครโครงการภายในสัปดาห์เดียว ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สสว.ประเมินว่า มาตรการ BDS นี้ จะสามารถสร้างกลไกสนับสนุนให้ผู้ให้บริการทางธุรกิจทั้งภาครัฐ หรือภาคเอกชนมีบทบาทในการส่งเสริมเอสเอ็มอีได้มากขึ้น รวมทั้งจะสามารถทำให้ผู้ประกอบการที่ได้รับการพัฒนาจากผู้บริการทางธุรกิจสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างโอกาสทางการค้าการลงทุน และมีความพร้อมในด้านการมาตรฐานได้ 5,000 กว่าราย คิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,500 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สสว. ยังได้จัดทำระบบให้บริการแก่ผู้ประกอบการ หรือ SME ACCESS ซึ่งเป็นอีกเครื่องมือในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการ ประกอบด้วย 1.www.smeone.one.info ซึ่งเป็นช่องทางเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการในมิติต่างๆ 2.www.smeacadamy365.com หรือระบบการเรียนรู้ผ่านช่องทางออนไลน์ที่รวบรวมหลักสูตรความรู้ที่จำเป็นต่อการพัฒนาธุรกิจของผู้ประกอบการ 3.Application SME CONNEXT ซึ่งเป็นช่องทางหลักของ สสว. ในรูปแบบ Application ที่รวบรวมข่าวสาร บริการ สิทธิประโยชน์ต่างๆ ของ สสว. และเป็นออนไลน์ มาร์เก็ต เพลส ที่ได้รับการส่งเสริมจาก สสว.และ 4.SME Coach ระบบฐานข้อมูลที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญหรือโค้ช ที่สามารถเป็นที่ปรึกษาเข้าช่วยเอสเอ็มอีให้มีความพร้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้ โดยผู้ประกอบการสามารถเข้าค้นหาและเลือกใช้บริการโค้ชที่ตรงต่อความต้องการของตนได้
ผอ.สสว.กล่าวอีกว่า ในปี 2565 นี้ มาตรการสนับสนุนมาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) ยังคงมีการดำเนินการ และมีฉบับปรับปรุงปี 2565 ทั้งนี้ แนวทางปฏิบัติ ซึ่งเริ่มมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เป็นต้นมา ซึ่ง สสว.ได้ร่วมกับกรมบัญชีกลางได้จัดทำคู่มือปฏิบัติ และเผยแพร่ไปยังหน่วยงานภาครัฐและผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ผ่านเว็บไซต์ของกรมบัญชีกลาง และ www.thaismegp.com ของ สสว. โดยขับเคลื่อนมาตรการ THAI SME-GP เพื่อมุ่งลดอุปสรรคและสร้างโอกาสเข้าถึงตลาดภาครัฐที่เป็นธรรมและทั่วถึง
“การปรับปรุงในครั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาและลดอุปสรรคในการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีคัดเลือก เรื่องการสมยอมราคา เรื่องสร้างความเป็นธรรมโดยให้คงสิทธิประโยชน์กับเอสเอ็มอีด้วยแต้มต่อไม่เกินร้อยละ 10 ในการเสนอราคาด้วยวิธี e-bidding ที่ใช้เกณฑ์ราคา และเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้เอสเอ็มอีที่ได้รับการรับรองเป็นสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ (Made in Thailand) ด้วยแต้มต่อไม่เกินร้อยละ 15 ขณะเดียวกันยังกระจายประโยชน์ไปยังเอสเอ็มอีรายเล็กๆ ให้เข้าถึงงานที่มีวงเงินไม่เกิน 5 แสนบาทได้ง่ายขึ้น โดยกำหนดให้หน่วยงานรัฐจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีเฉพาะเจาะจงจากเอสเอ็มอีเป็นลำดับแรก โดยข้อมูล ณ วันที่ 25 มี.ค.65 มีผู้ประกอบการขึ้นทะเบียนรวมทั้งสิ้น128,567ราย มีรายการสินค้าและบริการรวม 1,009,000 รายการ ในรอบปี 2564 (มกราคม-ธันวาคม 2564)”
นอกจากนี้ สสว.ยังเตรียมความพร้อมในการประชุมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (APEC SME Ministerial Meeting) ครั้งที่ 28 และการประชุมคณะคณะทำงานเอเปควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (APEC SME Working Group Meeting) ครั้งที่ 54 ณ จังหวัดภูเก็ต โดยจะจัดขึ้นภายในเดือนกันยายน 2565 ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะแสดงความพร้อมในการต้อนรับชาวต่างชาติ ตั้งแต่ระดับผู้นำ ระดับรัฐมนตรี คณะผู้แทน นักธุรกิจ และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลดีต่อ MSME โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจบริการที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
“การประชุมดังกล่าวนั้น สสว.วางเป้าหมายที่จะผลักดันประเด็นต่างๆ เช่น การนำแนวคิด BCG (Bio / Circular / Green) มาปรับใช้กับธุรกิจ ซึ่งจะสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่ MSME ไทย การรู้เท่าทันข้อจำกัดใหม่ๆในตลาดต่างประเทศ พร้อมทั้งเป็นการแสดงความพร้อมของ MSME การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของและการปรับโครงสร้างหนี้ MSME การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลในบริบทของ MSME รวมทั้งมีการหารือแนวโน้มใหม่ของ การบริโภค การตลาดในยุค Next Normal เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการ MSME”
สำหรับปี 2566 สสว.ได้เตรียมนำระบบ Single sign on หรือระบบ หนึ่งรหัส หนึ่งผู้ประกอบการ (One Identification : ID One SMEs) ซึ่งระบบดังกล่าว จะเป็นอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบการและสามารถนำไปใช้เป็นรหัสตัวแทนในการเข้ารับบริการของหน่วยงานภาครัฐได้ ซึ่ง สสว. ได้ร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดทำระบบดังกล่าวขึ้น โดยมีเป้าหมายและจะเริ่มให้บริการระบบเต็มรูปแบบ สำหรับบุคคลธรรมดา นิติบุคคล และวิสาหกิจชุมชน คาดว่าจะมีจำนวนผู้ประกอบการ บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลมาขึ้นทะเบียนระบบฯ ไม่น้อยกว่า 1,000,000 ราย รวมทั้งยังดำเนินการแผนการส่งเสริม SME อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้ สสว. เป็นหน่วยงานในการพิจารณาโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ SME (system Integrator) มากยิ่งขึ้น
อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy